วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2550



ราชวงศ์อลองพญา หรือ ราชวงศ์คองบอง (Alaungpaya Dynasty or Konbaung Dynasty) ราชวงศ์ที่ 3 ในประวัติศาสตร์พม่า ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนที่พม่าจะตกเป็นเมืองขึ้นของสหราชอาณาจักรและสิ้นสุดการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของพม่า
โดยราชวงศ์อลองพญานั้น ถูกสถาปนาขึ้นด้วยการขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าอลองพญาในปี พ.ศ. 2295 ด้วยการขับไล่ชาวมอญและยึดครองอาณาจักรมอญได้อีกครั้งในปี พ.ศ. 2302 ภายลหังการล่มสลายของราชวงศ์ตองอู ทั้งยังสามารถกลับเข้ายึดครองเมืองมณีปุระได้ในช่วงเวลาเดียวกัน และได้สถาปนาเมืองชเวโบ ขึ้นเป็นราชธานี ก่อนจะย้ายไปที่อังวะ และยังพัฒนาเมืองย่างกุ้ง หมู่บ้านชาวปร�! ��มงเล็ก ๆ ขึ้นเป็นเมืองท่าสำคัญ และกลายเป็นเมืองหลวงในเวลาต่อมา ต่อมาพระองค์ได้ยาตราทัพบุกอาณาจักรอยุธยา เนื่องจากทางอยุธยาได้ให้การสนับสนุนมอญที่เข้ามาพึ่งบารมีกษัตริย์ไทย ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ และไม่พอใจที่ไทยยึดเรือสินค้าที่จะเดินทางมาค้าขายกับพม่าที่เมืองมะริด โดยเดินทัพเข้ามาทางด่านสิงขร ทางจังหวัดประจวบคีร�! �ขันธ์ แต่ไม่ประสบความสำ� �ร็จ ซ้ำยังมาสิ้นพระชนม์ลงอีก ต่อมาพระเจ้ามังระ พระโอรสของพระองค์ได้สืบทอดเจตนารมณ์ของพระราชบิดาต่อ โดยได้ส่งทัพใหญ่มา 2 ทาง ทางหนึ่งเข้ามาทางเหนือด้วยการตีล้านนา ล้านช้างและหัวเมืองเหนือก่อน โดยการนำของเนเมียวสีหบดี ในปี พ.ศ. 2307 และอีกทางหนึ่งเข้ามาทางใต้ โดยการนำของมังมหานรธา ทั้ง 2 ทัพประกอบล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้นานถึง 1 ปีครึ่ง แม้ผ่านฤดูน้ำหล�! �กก็ไม่ยกทัพกลับ แม้มังมหานรธาจะเสียชีวิตลง ก็ส่งแม่ทัพคนใหม่จากเมืองเมาะตะมะชื่อ เมงเยเมงละอูสะนา เข้ามาแทนที่ จนในที่สุดก็ประสบความสำเร้จในปี พ.ศ. 2310 แต่กองทัพพม่าก็อยู่ไม่นาน เนื่องจากพระเจ้ามังระทรงให้เร่งทำการและรีบกลับเพื่อทำสงครามกับจีนในรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลง
และถึงแม้อาณาจักรอยุธยาจะถูกทำลายราบคาบ แต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจะสถาปนาศูนย์กลางอำนาจขึ้นมาใหม่ที่กรุงธนบุรี พระเจ้ามังระก็ส่งแม่ทัพคนใหม่มา คือ อะแซหวุ่นกี้ อะแซหวุ่นกี้สามารถตีหัวเมืองพิษณุโลกแตก และกำลังจะยกทัพตามลงมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ก็ต้องยกทัพกลับอันเนื่องจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้ามังระ ในปี พ.ศ. 2319 จากนั้นก็เกิดการแย่งชิ! งราชสมบัติกันเองราว 4 - 5 ปี ก่อนที่จะถูกสถาปนาความเข้มแข็งขึ้นอีกครั้ง ในรัชสมัยของพระเจ้าปดุง พระองค์ทรงยกทัพเข้าตีดินแดนยะไข่ ได้สำเร็จ ซึ่งไม่เคยมีกษัตริย์พม่าพระองค์ใดทำได้มาก่อน ทำให้พระองค์เกิดความฮึกเหิม ยกยกทัพใหญ่มาถึง 9 ทัพ 5 เส้นทาง ที่เรียกว่า สงครามเก้าทัพ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั! ้นในรัชสมัยพระเจ้าบาจีด� �� พม่าได้ยึดครองแคว้นอัสสัมของอินเดียได้สำเร็จ ทำให้พม่าต้องเผชิญหน้ากับจักรวรรดิอังกฤษซึ่งกำลังล่าอาณานิคมอยู่ในขณะนั้น ก่อให้เกิดเป็นสงครามที่เรียกว่า "สงครามพม่า - อังกฤษ ครั้งที่ 1" (Pagoda War) กินระยะเวลา 2 ปี คือ พ.ศ. 2367 - พ.ศ. 2369 สงครามจบลงด้วยชัยชนะอย่างงดงามของอังกฤษด้วยเทคโนโลยีที่เหนือกว่าในทุก ๆ ด้าน มหาบัณฑุละ แม่ทัพพม่าที่เลื่องชื่อก็จบชีวิตลง ท! ำให้ต้องลงนามในสนธิสัญญาชื่อ สนธิสัญญายันดาโบ (Yandaboo) พม่าจำต้องยกเมืองที่สำคัญให้แก่อังกฤษ เช่น มณีปุระ ยะไข่ ตะนาวศรี
ต่อมา ได้มีการละเมิดสนธิสัญญาฉบับนี้ ทำให้เกิดสงครามพม่า - อังกฤษ ครั้งที่ 2 และก็จบลงด้วยชัยชนะของอังกฤษอีกเช่นเคย ในรัชสมัยของพระเจ้ามินดง พระองค์พยายามที่จะสถาปนาความเข้มแข็งของอาณาจักรขึ้นมาอีกครั้ง โดยสถาปนามัณฑะเล ขึ้นเป็นเมืองหลวง มีการสร้างพระราชวังอย่างใหญ่โต แต่ในรัชสมัยของพระโอรสของพระองค์ คือ พระเจ้าธีบอ พระองค์ไม่สามารถควบคุมส�! �านการณ์ทั้งในและนอกประเทศไว้ได้ ทำให้สู่การทำสงครามกับอังกฤษอีกครั้ง และคราวนี้อังกฤษสามารถครอบครองพม่าไว้ได้หมดทั้งประเทศ และทำให้พระเจ้าธีบอเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่าด้วย
ราชวงศ์อลองพญา มีกษัตริย์ทั้งหมด 10 พระองค์ กินระยะเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2295 จนถึงปี พ.ศ. 2428 มีเมืองหลวงหลายเมือง ทั้ง ชเวโบ มณีปุระ อังวะ อมระปุระ มัณฑะเล


ราชวงศ์อลองพญา



ไม่มีความคิดเห็น: